Onsen: คู่มือควรอ่านก่อนลงแช่ออนเซ็นในญี่ปุ่น

ถ้าพูดถึงญี่ปุ่นทุกคนนึกถึงอะไรกันบ้างคะ ภูเขาไฟฟูจิ โตเกียวทาวเวอร์ ซูชิ อนิเมะ อะไรประมาณนี้ใช่ไหมคะ แต่อีกสิ่งที่นึกถึงและเป็นเหมือนสัญลักษณ์เวลาพูดถึงการไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คือออนเซ็นหรือบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาตินั่นเอง การแช่ออนเซ็นไม่ใช่แค่การอาบน้ำทั่วไป แต่เป็นเหมือนประเพณีและประสบการณ์ที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมาสัมผัสด้วยตัวเองที่ญี่ปุ่น
ออนเซ็นคืออะไร
ออนเซ็น คือบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากความร้อนใต้ผิวโลก น้ำเหล่านี้เต็มไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่ละลายปนมาด้วย ซึ่งแร่ธาตุเหล่านี้เองที่ทำให้น้ำมีคุณสมบัติพิเศษ ออนเซ็นต้องมีอุณหภูมิสูงกว่า 25 องศาเซลเซียส และต้องมีส่วนผสมของแร่ธาตุบางชนิดตามข้อกำหนดทางกฎหมายของญี่ปุ่น ถึงจะถูกจัดเป็นออนเซ็นแท้ๆ

การแช่ออนเซ็นไม่ได้แค่ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น เชื่อกันว่าการแช่ออนเซ็นยังมีประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจด้วย
♨️ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ความร้อนจากน้ำในบ่อจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยและคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อหลังจากการเดินทางหรือการทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดวัน
♨️ช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิต ความร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นทั่วร่างกาย
♨️บำรุงผิวพรรณ แร่ธาตุบางชนิดที่พบในน้ำจากบ่อออนเซ็น เช่น ซัลเฟอร์ (Sulfur) ไฮโดรเจน คาร์บอเนต (Hydrogencabonate) หรือซิลิกา (Silica) มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื้น และดูมีสุขภาพดี
♨️ฟื้นฟูจิตใจ บรรยากาศอันเงียบสงบและไอน้ำอุ่นๆ ช่วยลดความเครียดและความเหนื่อยล้าทางจิตใจได้อย่างดีเยี่ยม

ความแตกต่างระหว่างออนเซ็นและเซ็นโต
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าออนเซ็น (Onsen) กับ เซ็นโต (Sento) คือสิ่งเดียวกัน แต่จริงๆ สองอย่างนี้มีความแตกต่างกันอยู่
ออนเซ็น (Onsen)
ออนเซ็น (Onsen) คือบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีแร่ธาตุเฉพาะและอุณหภูมิของน้ำที่ร้อนมาตั้งแต่ใต้ผิวโลก มักตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาหรือใกล้ภูเขาไฟ ซึ่งเป็นแหล่งของความร้อนธรรมชาติ
เซ็นโตะ (Sento)
เซ็นโตะ (Sento) คือโรงอาบน้ำสาธารณะทั่วไป น้ำที่ใช้เป็นน้ำประปาที่ถูกนำมาต้มให้ร้อน ไม่ได้ใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเหมือนออนเซ็น บางแห่งอาจมีการเติมสารบำรุงหรือสมุนไพรเทียม แต่ก็ยังแตกต่างจากน้ำที่อุดมไปด้วยแร่ธรรมชาติแท้ๆ เซ็นโตมักพบได้ในเขตเมืองหรือย่านชุมชนทั่วไป
วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์การแช่ออนเซ็น
การแช่ออนเซ็นเป็นมากกว่าแค่การอาบน้ำร้อน แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมานานนับพันปี การใช้ประโยชน์จากน้ำพุร้อนนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เชื่อว่าชาวบ้านในท้องถิ่นเป็นคนค้นพบคุณสมบัติของน้ำแร่ออนเซ็นในการรักษาอาการเจ็บป่วยและคลายความอ่อนล้าจากการทำงานหนัก

ต่อมาในยุคเอโดะ ออนเซ็นเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีการสร้างเรียวกังและโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ขึ้นรอบๆ แหล่งน้ำพุร้อน กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการเดินทางและพักผ่อน ในอดีต การแช่ออนเซ็นยังเชื่อมโยงกับพิธีกรรมการชำระล้างร่างกายและจิตใจก่อนเข้าวัดหรือศาลเจ้าตามความเชื่อของศาสนาชินโตและพุทธศาสนาด้วย
ทุกวันนี้ออนเซ็นยังคงเป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลก นับว่าเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน ทำให้จิตใจสงบ และเชื่อมโยงตัวเราเข้ากับธรรมชาติ
มารยาทในการแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่น
การแช่ออนเซ็นในญี่ปุ่นมีธรรมเนียมและมารยาทที่ควรปฏิบัติ เพื่อให้ทุกคนได้แช่อย่างสบายใจและเคารพซึ่งกันและกัน การรู้และทำตามธรรมเนียมเหล่านี้จะช่วยให้การแช่ออนเซ็นเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าประทับใจ
1. ทำความสะอาดร่างกายก่อนลงออนเซ็นเสมอ
การทำความสะอาดร่างกานก่อนลงแช่ ถือเป็นกฎที่สำคัญที่สุดของการแช่ออนเซ็น ไม่ว่าจะเป็นบ่อในร่มหรือกลางแจ้ง โดยเฉพาะบ่อรวม ก่อนจะก้าวลงบ่อออนเซ็นต้องทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดหมดจดก่อนเสมอ

โดยปกติแล้ว จะมีเก้าอี้ตัวเล็กๆ และกะละมังวางไว้ให้ใช้สำหรับนั่งอาบน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นไปรบกวนคนอื่น ใช้ฝักบัวที่จัดเตรียมไว้บริเวณพื้นที่อาบน้ำ สบู่ และแชมพูทำความสะอาดร่างกายให้ทั่วตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า หลังจากนั้นล้างฟองสบู่ที่อยู่บนตัวให้หมด เพราะฟองสบู่จะทำให้น้ำในบ่อสกปรก แล้วจึงลงแช่บ่อออนเซ็น
2. ถอดเสื้อผ้าทั้งหมด
การแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมคือการแช่แบบเปลือยกาย ไม่มีข้อยกเว้น การถอดเสื้อผ้าให้หมดทุกชิ้นก่อนลงแช่เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันโดยทั่วไปในการแช่ออนเซ็น โดยต้องถอดเสื้อผ้าไว้ในตระกร้าหรือล็อคเกอร์ก่อนเข้าไปยังบริเวณพื้นที่อาบน้ำหรือห้องอาบน้ำ และบ่อออนเซ็น ไม่ต้องรู้สึกเขินอายเพราะเป็นสิ่งที่ปกติมากๆ สำหรับการแช่ออนเซ็นในญี่ปุ่น
3. ห้ามนำผ้าขนหนูลงในบ่อออนเซ็น
ในการแช่ออนเซ็น จะมีผ้าผืนเล็กไว้ใช้สำหรับซับเหงื่อบนใบหน้า หรือใช้ปิดบังร่างกายระหว่างเดินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่ข้อควรระวังก็คือ ห้ามเอาผ้าขนหนูจุ่มลงไปในบ่อออนเซ็นเด็ดขาด เพราะจะเป็นการทำให้น้ำสกปรก โดยทั่วไปแล้ว คนญี่ปุ่นจะนำผ้าขนหนูผืนเล็กๆ วางไว้บนหัวหรือวางไว้ที่ขอบบ่อแทน
4. ใช้เสียงเบาๆ
ออนเซ็น คือสถานที่สำหรับการผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ดังนั้นการรักษาความสงบ ไม่ส่งเสียงดังจนเกินไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรใช้เสียงเบาๆ ไม่พูดคุยเสียงดังหรือหัวเราะเอะอะโวยวาย ไม่วิ่งหรือกระโดดลงบ่อ เพราะอาจทำให้น้ำกระเด็นไปโดนคนอื่นหรือเกิดอุบัติเหตุได้ และควรงดใช้โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในบริเวณบ่อออนเซ็นเพื่อความเป็นส่วนตัว

5. ตรวจสอบสภาพร่างกายและระมัดระวังเป็นพิเศษ
ก่อนและระหว่างการแช่ออนเซ็นควรตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวเอง เพื่อความปลอดภัย สำหรับใครที่เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือโรคเรื้อรังอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถแช่ออนเซ็นได้หรือไม่ และควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ควรแช่ออนเซ็นตามลำพัง

ก่อนลงแช่ออนเซ็นควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เนื่องจากการแช่บ่อน้ำร้อนทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และไม่ควรแช่บ่อน้ำร้อนนานเกิน 15-20 นาทีในแต่ละครั้ง เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ รู้วึกวิงเวียนหรือหน้ามืดได้ หลังจากแช่ ให้ค่อยๆ ลุกออกจากบ่อ และเดินช้าๆ เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ จากนั้นล้างตัวให้เรียบร้อย แล้วเช็ดตัวให้แห้งก่อนกลับไปที่ห้องแต่งตัว
หากมีรอยสัก อาจถูกจำกัดไม่ให้ลงแช่ในบ่อรวมบางแห่ง ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า
ออนเซ็นยอดนิยม 3 ประเภท
ออนเซ็น ไม่ได้มีแค่บ่อน้ำร้อนใสๆ เหมือนกันหมด แต่ละแหล่งออนเซ็นทั่วญี่ปุ่นก็จะมีคุณสมบัติและแร่ธาตุที่แตกต่างกันไป ทำให้สีของน้ำ กลิ่น และประโยชน์ที่ได้จากการแช่ออนเซ็นก็ต่างกันด้วย การรู้จักประเภทของบ่อออนเซ็นยอดนิยมจะช่วยให้เลือกแช่ออนเซ็นได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น
1. ออนเซ็นบ่อกำมะถัน (Sulfur Spring)
ออนเซ็นที่มีแร่กำมะถัน เป็นหนึ่งในประเภทออนเซ็นที่โดดเด่นและเป็นที่นิยมมากๆ สังเกตง่ายๆ จากกลิ่นที่คล้ายกับไข่เน่า และสีของน้ำที่มักจะออกขาวอมฟ้า หรือขาวขุ่นคล้ายน้ำนม

น้ำแร่จากออนเซ็นประเภทนี้จะอุดมไปด้วยแร่กำมะถันและไฮโดรเจนซัลไฟด์ ช่วยบรรเทาอาการของโรคผิวหนังต่างๆ เช่น ผื่นคัน กลาก เกลื้อน รวมถึงช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสขึ้น นอกจากนี้ยังเชื่อว่าช่วยลดอาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และช่วยผ่อนคลายความเครียดได้
แหล่งออนเซ็นยอดนิยม เช่น Hakonen-Yumoto Onsen ที่ฮาโกเน่ Noboribetsu Onsen ที่ฮอกไกโด และ Kusatsu Onsen ที่กุนมะ
2. ออนเซ็นบ่อไฮโดรเจนคาร์บอเนต (Bicarbonate Spring)
ออนเซ็นบ่อไฮโดรเจนคาร์บอเนต หรือ Bicarbonate Spring เป็นอีกหนึ่งประเภทออนเซ็นที่ได้รับความนิยมสูง น้ำไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนบ่อกำมะถัน แต่จะให้ความรู้สึกนุ่มนวลต่อผิว ทำให้ผิวรู้สึกเนียนลื่นหลังแช่ ออนเซ็นที่มีแร่ไฮโดรเจนคาร์บอเนต ได้รับฉายาว่าเป็นน้ำแห่งความงาม หรือน้ำเพื่อผิวสวย เพราะเชื่อว่าช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น และกระจ่างใสขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
แหล่งออนเซ็นยอดนิยม เช่น Arima Onsen ที่เฮียวโกะ Beppu Onsen ที่โออิตะ
3. ออนเซ็นบ่อเหล็ก (Iron Spring)
ออนเซ็นบ่อเหล็ก หรือ Iron Spring มีลักษณะเฉพาะตัวคือน้ำจะมีสีน้ำตาลแดง หรือสีคล้ายสนิม เนื่องจากแร่ธาตุเหล็กทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ น้ำในบ่อจะมีปริมาณธาตุเหล็กสูง และมักจะมีคาร์บอนไดออกไซด์ปะปนอยู่ด้วย เชื่อกันว่าช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการอ่อนเพลีย โลหิตจาง หรือต้องการเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการปวดข้อและปวดกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
แหล่งออนเซ็นยอดนิยม เช่น Arima Onsen ที่เฮียวโกะ Noboribetsu Onsen ที่ฮอกไกโด
แหล่งออนเซ็นยอดนิยมทั่วญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาด
ญี่ปุ่นมีแหล่งออนเซ็นทั่วประเทศเยอะมากๆ จนเลือกไม่ถูกเลยใช่ไหมคะ ลองมาดู 5 แหล่งออนเซ็นยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวไทยมักจะไปแช่กัน รับรองว่าแต่ละที่เด็ดจริงและมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
1. ฮาโกเน่ (Hakone)
ฮาโกเนะ เป็นแหล่งออนเซ็นที่เดินทางง่ายที่สุดจากโตเกียว ใช้เวลาแค่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ระหว่างแข่ออนเซ็นยังได้ชมวิวภูเขาไฟฟูจิอันงดงามด้วย ที่นี่ มีออนเซ็นให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งเรียวกังที่มีบ่อส่วนตัว โรงแรมที่มีบ่อรวมขนาดใหญ่ ไปจนถึงบ่อออนเซ็นเท้าที่สามารถแช่เท้าคลายเมื่อยได้ระหว่างวัน เหมาะมากสำหรับใครที่มาเที่ยวโตเกียวแล้วอยากแช่ออนเซ็นแบบวันเดียว หรือพักค้างคืนแบบสั้นๆ โดยไม่ต้องเดินทางไกลมาก และยังชมได้วิวสวยๆ
2. เบปปุ (Beppu)
เมืองเบปปุ ในจังหวัดโออิตะ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งออนเซ็นของญี่ปุ่น ที่นี่มีแหล่งน้ำพุร้อนผุดขึ้นมามากมาย และมีชื่อเสียงจากบ่อนรกแห่งเบปปุ (Beppu Jigoku Meguri) ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีสีสันและลักษณะแตกต่างกันไป บ่อออนเซ็นที่นี่แช่ไม่ได้นะ มีไว้ให้ชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่เบปปุมีออนเซ็นหลากหลายประเภทให้เลือกแช่ ทั้งบ่อโคลน บ่อทรายร้อน ไปจนถึงออนเซ็นแบบดั้งเดิม ใครที่อยากได้ประสบการณ์การแช่ออนเซ็นที่หลากหลายและแปลกใหม่ ต้องมาที่นี่เลย
3. ฮอกไกโด (Hokkaido)
ฮอกไกโดมีแหล่งออนเซ็นดังๆ หลายแห่งที่อยู่ในหุบเขาหรือใกล้ลานสกี การได้แช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะโปรยปราย หรือชมวิวธรรมชาติอันกว้างใหญ่ของฮอกไกโด จะเป็นประสบการณ์การแช่ออนเซ็นที่ไม่มีวันลืม
บ่อออนเซ็นที่ฮอกไกโดส่วนใหญ่มักจะเป็นบ่อกลางแจ้ง (Rotenburo) สามารถแช่ออนเซ็นพร้อมรับลมหนาว ชมวิวป่าเขาหรือหิมะได้อย่างเต็มที่ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ ชอบความหนาวเย็น หรืออยากแช่ออนเซ็นกลางแจ้งท่ามกลางหิมะ
4. เกียวโต (Kyoto)
แม้เกียวโตจะเป็นเมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ศาลเจ้าและวัดวาอาราม แต่รอบๆ เกียวโตก็มีแหล่งออนเซ็นที่น่าสนใจไม่น้อย บางแห่งสามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้ บ่อออนเซ็นในแถบเกียวโตมักจะมีความสงบและผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อนหลังจากเดินเที่ยววัดหรือศาลเจ้ามาทั้งวัน ใครที่มีแพลนเที่ยวแถวโอซาก้า เกียวโต นารา แล้วอยากแช่ออนเซ็นผ่อนคลายร่างกายและจิตใจสามารถมาแช่ออนเซ็นที่เกียวโตได้เลย
5. คุซัทสึ (Kusatsu)
คุซัทสึ ออนเซ็นในจังหวัดกุนมะ ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ที่นี่โดดเด่นด้วยปริมาณน้ำแร่ที่ไหลออกมาจำนวนมาก และมีกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ คือ ยูบาตาเกะ (Yubatake) ซึ่งเป็นการกวนน้ำร้อนเพื่อลดอุณหภูมิ
คุณภาพน้ำแร่ของคุซัตสึออนเซ็นนั้นได้ชื่อว่าดีเยี่ยม เพราะมีความเป็นกรดสูง เชื่อกันว่าช่วยรักษาโรคภัยต่างๆ ได้ บรรยากาศเมืองออนเซ็นมีความคึกคัก ผสมผสานไปกับเสน่ห์แบบดั้งเดิม เหมาะกับการเดินเล่นเพลินๆ ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า
เคล็ดลับ 3 ข้อในการแช่ออนเซ็น
1. จองเรียวกังที่มีออนเซ็นในตัว
นี่คือเคล็ดลับแรกที่สำคัญมากสำหรับผู้ที่อยากสัมผัสประสบการณ์ออนเซ็นแบบเต็มที่ คือการจองเรียวกังที่มีออนเซ็นในตัว โดยปกติ เรียวกังมักจะมีบ่อออนเซ็นทั้งแบบบ่อรวมและบ่อส่วนตัว ทำให้สามารถเข้าใช้ได้เลยโดยไม่ต้องออกไปไหน ช่วยประหยัดเวลาและค่าเดินทาง เพราะสามารถแช่ออนเซ็นได้ทันทีที่ต้องการ ไม่ต้องเดินหาบ่อสาธารณะภายนอก

นอกจากนี้การพักในเรียวกังที่มีออนเซ็นในตัว ทำให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบญี่ปุ่นโบราณ ทั้งการใส่ชุดยูกาตะ การรับประทานอาหารไคเซกิ (Kaiseki) และการผ่อนคลายในบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ๆ
2. เตรียมอุปกรณ์ส่วนตัวที่จำเป็น
แม้ว่าเรียวกังหรือบ่อออนเซ็นบางแห่งจะมีอุปกรณ์พื้นฐานให้ แต่การเตรียมของบางอย่างไปเองจะช่วยให้สะดวกสบายและมั่นใจมากขึ้น บางคนอาจชอบใช้ผ้าขนหนูของตัวเอง หรือเผื่อกรณีที่สถานที่ไม่มีผ้าผืนเล็กให้ใช้ในบ่อ หรือใครที่ผิวแพ้ง่าย หรืออยากใช้ผลิตภัณฑ์ที่คุ้นเคย ก็สามารถเตรียมแชมพูหรือสบู่ของตัวเองไปได้

นอกจากนี้ ถุงเล็กๆ สำหรับใส่โทรศัพท์หรือของใช้ส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ไปยังล็อกเกอร์ในห้องแต่งตัว หรือยางรัดผม ไว้รวบผมขึ้นระหว่างแช่ออนเซ็นก็เป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลย
3. เข้าใจความแตกต่างของบ่อรวมและบ่อส่วนตัว
บ่อรวม (Public Bath)♨️
เป็นรูปแบบทั่วไปของออนเซ็นที่แยกชาย-หญิง ทุกคนต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดก่อนลงแช่ เป็นการสัมผัสประสบการณ์การแช่ออนเซ็นแบบดั้งเดิมที่คนญี่ปุ่นปฏิบัติกัน การแช่บ่อรวมช่วยให้ได้สัมผัสบรรยากาศและวัฒนธรรมออนเซ็นอย่างแท้จริง

บ่อส่วนตัว (Private Bath)♨️
เรียวกังหรือโรงแรมบางแห่งมีบริการบ่อออนเซ็นส่วนตัวที่สามารถจองเพื่อแช่กับครอบครัว หรือคู่รักได้ โดยที่ไม่ต้องเปลือยกายต่อหน้าคนแปลกหน้า เหมาะกับคนที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นมาเล็กน้อย หรือคนที่มีรอยสัก เรียวกังบางแห่งอาจมีบ่อออนเซ็นในห้องพักให้บริการ ซึ่งสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวที่สุด

บทความแนะนำ
-
- Others
Top 10 มังงะน่าอ่าน อัปเดตกลางปี 2025
12.07.2025
-
- Others
เปรียบเทียบ 10 บริษัทประกันยอดนิยม เที่ยวสบายใจ ไร้กังวล
11.07.2025
-
- Gifu
- Others
- ออนเซ็น / เรียวกัง
3 สุดยอดออนเซ็นญี่ปุ่นที่ต้องไปเยือน
10.07.2025
-
- Others
- ออนเซ็น / เรียวกัง
7 บ่อนรก แหล่งออนเซ็นแห่งเมืองเบปปุ
09.07.2025
-
- Hokkaido
- Gifu
- Others
- ออนเซ็น / เรียวกัง
8 ที่พัก พร้อมออนเซ็นจากแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ
08.07.2025
-
- Others
สินค้าญี่ปุ่น ทำไมถึงเป็นที่นิยมของคนไทย
06.07.2025