ซื้อ JR Pass ออนไลน์ง่ายๆ ต้องรู้อะไรบ้าง

26.06.2025
ซื้อ JR Pass ออนไลน์ง่ายๆ ต้องรู้อะไรบ้าง

JR Pass สามารถซื้อล่วงหน้าง่ายๆ ได้ทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ทางการของ JR Pass รวมไปถึงตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาติในไทยและเว็บไซต์สำหรับจองตั๋วที่ได้รับอนุญาตเช่นกัน แต่ก่อนจะซื้อและหลังจากซื้อพาส มีเรื่องหรือรายละเอียดที่ควรรู้ไว้ก่อนบ้าง เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักผ่านบทความครั้งนี้

ทำไมต้องซื้อ JR Pass ออนไลน์ล่วงหน้า

ราคาดีกว่า

นี่คือเหตุผลอันดับหนึ่งที่ต้องย้ำเลย ตั้งแต่ปลายปี 2023 เป็นต้นมา JR ได้ปรับราคา JR Pass ใหม่ ทำให้ราคาที่ซื้อในญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นที่สนามบินหรือสถานีรถไฟแพงกว่า การซื้อล่วงหน้าก่อนเดินทางทางช่องทางออนไลน์จะช่วยประหยัดงบ

ประหยัดเวลา

การที่ซื้อ JR Pass มาล่วงหน้าจะทำให้ประหยัดเวลาไปเที่ยวได้มากขึ้น แค่ปริ้นท์ Exchange Order หรือเตรียม QR Code ไว้ในมือถือ พอไปถึงสนามบินก็เดินตรงไปแลก JR Pass ตัวจริงได้เลยทันที ไม่ต้องเสียเวลาในการเที่ยวไปกับการหาซื้อพาส

วางแผนทริปได้อย่างสบายใจ

พอมี JR Pass อยู่ในมือแล้วจะรู้สึกอุ่นใจ และทำให้วางแผนการเดินทางในญี่ปุ่นได้ยืดหยุ่นขึ้น เพราะสามารถคุมค่าเดินทางหลักๆ ไว้ได้แล้ว จะไปไหนมาไหนด้วยรถไฟ JR ก็สะดวก ไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้การจัดตารางเที่ยวเป็นไปได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น

หลีกเลี่ยงปัญหาไม่คาดฝัน

แม้จะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย แต่ในบางช่วงอย่างช่วงเทศกาลท่องเที่ยวที่คนเยอะมากๆ การซื้อ JR Pass ล่วงหน้าก็ช่วยลดความเสี่ยงที่พาสบางประเภทที่ต้องการอาจจะหมดชั่วคราวเมื่อซื้อที่เคาน์เตอร์ในญี่ปุ่น เรียกว่าซื้อไว้ สบายใจกว่า

ช่องทางหลักสำหรับ ซื้อ JR Pass แบบออนไลน์

1. เว็บไซต์ทางการของ Japan Rail Pass

เว็บไซต์ทางการของ Japan Rail Pass เป็นช่องทางที่แนะนำและเชื่อถือได้มากที่สุด เพราะเป็นเว็บไซต์ทางการที่บริหารจัดการโดยกลุ่มบริษัท JR Group โดยตรง การซื้อ JR Pass ผ่านช่องทางนี้มีข้อดีหลายอย่าง อย่างแรกคือน่าเชื่อถือที่สุด เพราะข้อมูลมีความถูกต้อง ราคาเป็นปัจจุบัน และเป็นแหล่งที่มาโดยตรงจากผู้ให้บริการ JR Pass ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกหลอกลวง

ในบางช่วงเวลา การซื้อผ่านเว็บไซต์ทางการอาจมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเล็กๆ น้อยๆ เช่น สามารถจองที่นั่งรถไฟบางขบวนล่วงหน้าได้ก่อนเดินทางไปถึงญี่ปุ่น ผ่านระบบออนไลน์ของ JR  ซึ่งช่วยประหยัดเวลาตอนไปถึงได้เยอะ นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังรองรับภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่นๆ รวมถึงภาษาไทย ทำให้เข้าใจง่ายสำหรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่

2. ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย

ในประเทศไทย มีบริษัทตัวแทนจำหน่ายท่องเที่ยวหลายแห่งที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจาก JR ให้สามารถจำหน่าย JR Pass ได้ และเป็นอีกช่องทางที่เป็นที่นิยมของคนไทยมาอย่างยาวนาน เพราะสามารถสอบถามข้อมูลเป็นภาษาไทยได้โดยตรง มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สะดวกสบายในการจองพาสและการติดต่อ

บางครั้งตัวแทนจำหน่ายอาจมีโปรโมชั่นส่วนลด หรือแพ็คเกจเสริมที่น่าสนใจ เช่น ซื้อ JR Pass พร้อม Pocket Wi-Fi หรือซิมการ์ด นอกจากนี้ การซื้อ JR Pass กับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตในไทย จะได้รับ Exchange Order หลังซื้อผ่านบริการจัดส่ง ทำให้อุ่นใจว่ามีเอกสารพร้อมก่อนเดินทาง

 

🛫บริษัทท่องเที่ยว

 

▷ JTB บริษัทท่องเที่ยวสัญชาติญี่ปุ่นที่มีสาขาในไทย และเป็นตัวแทนจำหน่าย JR Pass รายสำคัญ

 

▷ H.I.S.  อีกหนึ่งบริษัทท่องเที่ยวสัญชาติญี่ปุ่นที่มีสาขาในไทย และเป็นที่รู้จักในการจำหน่าย JR Pass

 

▷ บริษัททัวร์ชั้นนำอื่นๆ ในไทย เช่น Quality Express, World Surprise Tour

🛫แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์/ ตัวแทนจำหน่ายตั๋ว

 

▷ Klook แพลตฟอร์มจองกิจกรรมและบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวออนไลน์ยอดนิยมที่เป็นตัวแทนจำหน่าย JR Pass อย่างเป็นทางการ

 

▷ KKday อีกหนึ่งแพลตฟอร์มจองกิจกรรมและบัตรโดยสารท่องเที่ยวออนไลน์ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย JR Pass เช่นกัน

🚄 จอง JR Pass ราคาพิเศษผ่าน KKday ได้ที่นี่!

https://atth.me/go/xowp7Now

3 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ JR Pass และการใช้งานพาสที่ญี่ปุ่น

1. ตรวจสอบวันหมดอายุของ Exchange Order / E-ticket

หลังจากที่ซื้อ JR Pass ออนไลน์แล้ว จะได้รับเอกสารที่เรียกว่า Exchange Order หรือบางครั้งอาจจะเป็น E-ticket หรือ QR Code ที่ต้องนำไปแลกเป็น JR Pass ตัวจริง แต่สิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือเอกสารเหล่านี้มีอายุการใช้งานจำกัด

โดยปกติแล้ว Exchange Order หรือ E-ticket จะมีอายุการใช้งาน 90 วัน นับจากวันที่ออกเอกสาร หรือก็คือวันที่ซื้อ หมายความว่าต้องนำเอกสารนี้ไปแลกเป็น JR Pass ตัวจริงที่ญี่ปุ่นภายใน 90 วันหลังจากที่ซื้อไป หากเลยกำหนดนี้แล้วจะไม่สามารถแลกเป็นพาสตัวจริงได้ เท่ากับเสียเงินไปฟรีๆ เลยนะ

2. JR Pass ไม่ครอบคลุมรถไฟและบริการบางประเภท

JR Pass ไม่สามารถใช้กับรถไฟชินคันเซ็นขบวน Nozomi และขบวน Mizuho รวมถึงรถไฟของบริษัทเอกชน เช่น รถไฟใต้ดินในโตเกียวหรือโอซาก้า และรถบัสที่ไม่ใช่ของ JR ควรศึกษาเส้นทางการเดินทางว่า JR Pass ที่ซื้อครอบคลุมหรือสามารถใช้ได้หรือไม่

3. พกพาสปอร์ตติดตัวเสมอเมื่อใช้ JR Pass

เจ้าหน้าที่อาจขอตรวจสอบพาสปอร์ตเพื่อยืนยันตัวตนในขณะที่กำลังใช้ JR Pass เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่สามารถซื้อ JR Pass ได้ต้องเข้ามาญี่ปุ่นด้วยสถานะ Temporary Visitor หรือวีซ่าการพำนักระยะสั้น ถึงแม้จะเป็นคนต่างชาติแต่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นระยะยาว เช่น มาทำงาน หรือมาเรียนต่อ ก็ไม่สามารถซื้อพาสนี้ได้ ดังนั้นควรพกพาสปอร์ตติดตัวเสมอ

JR Pass แบบทั่วประเทศ และแบบเฉพาะพื้นที่ แต่ละแบบมีอะไรและใช้พื้นที่ไหนได้บ้าง

1. JR Pass แบบครอบคลุมทั่วประเทศ (Japan Rail Pass All Area)

JR Pass ที่นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมใช้ เพราะสามารถใช้เดินทางด้วยรถไฟของเครือ JR ได้ทั่วทั้งประเทศ สามารถใช้ได้กับรถไฟชินคันเซ็นเกือบทุกขบวน (ยกเว้นขบวน Nozomi และขบวน Mizuho) รถไฟด่วนพิเศษ (Limited Express) รถไฟด่วนหรือรถไฟท้องถิ่น (Rapid/Local Trains ) รถบัส JR บางสาย (JR Buses) และเรือเฟอร์รี่ JR บางเส้นทาง (JR Ferry) มีพาสแบบ 7 วัน 14 วัน และ 21 วัน

2. JR Pass แบบเฉพาะภูมิภาค (Regional JR Pass)

Regional JR Pass ถูกออกแบบมาสำหรับนักท่องเที่ยวที่เน้นเที่ยวแค่บางภูมิภาค เพื่อตอบโจทย์การเดินทางในภูมิภาคนั้นๆ และราคาที่ถูกกว่าพาสแบบครอบคลุมทั่วประเทศ มีหลากหลายประเภทมากๆ สามารถแยกตามภูมิภาคหลักๆ ของญี่ปุ่น ดังนี้

 

▶ Hokkaido Area Pass: JR Pass สำหรับภูมิภาคฮอกไกโด พาสนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งเกาะฮอกไกโด ไม่ว่าจะเที่ยวซัปโปโร โอตารุ ฮาโกดาเตะ ฟุราโนะ บิเอะ สามารถใช้พาสนี้ในการเดินทางได้ มีวันให้เลือกหลากหลาย เช่น 5 วัน 7 วัน 10 วัน

▶ Tohoku / Kanto Area Pass: JR Pass สำหรับภูมิภาคโทโฮคุและคันโต มักจะเป็นแบบ 5 วันหรือ 6 วัน และเป็นพาสที่ไม่จำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องกันทุกวัน แบ่งออกเป็น

 

▷ JR East Pass (Tohoku Area) ครอบคลุมโตเกียวและพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู หรือก็คือภูมิภาคโทโฮคุ เช่น เซ็นได อิวาเตะ อาโอโมริ

 

JR East Pass (Nagano & Niigata Area) ครอบคลุมโตเกียวและพื้นที่นากาโน่ นีงาตะ ใครที่มีแพลนเที่ยวโตเกียว แล้วอยากจะเดินทางไปเที่ยวเมืองรอบๆ เช่น คาวากุจิโกะ นิกโก้ พาสนี้คุ้มมากๆ

▶ Kansai / West Area Pass: JR Pass สำหรับภูมิภาคคันไซและพื้นที่ทางตะวันตกของญี่ปุ่น พาสประเภทนี้มีวันใช้ที่หลากหลายตั้งแต่ 1 วัน ไปจนถึง 7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของพาส แบ่งออกเป็น

 

▷ Kansai Area Pass เน้นเที่ยวโอซาก้า เกียวโต นารา โกเบ

 

▷ Kansai Wide Area Pass ครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น รวมถึงฮิเมจิ คิโนซากิออนเซ็น คุมาโนะโคโดะ ทตโตริ โอคายาม่า และบางส่วนของเกาะชิโกกุ (Shikoku)

 

Sanyo-San’in Area Pass ครอบคลุมตั้งแต่โอซาก้าไปถึงฮิโรชิม่า โอคายาม่า ชิมาเนะ ทตโตริ ใช้ขึ้นรถไฟชินคันเซ็น Sanyo Shinkansen เส้นทางไป-กลับชินโอซาก้า (Shin-Osaka) และฮากาตะ (Hakata)

▶ Chubu Area Pass: JR Pass สำหรับภูมิภาคชูบุ แบ่งออกเป็น

▷ Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ครอบคลุมโอซาก้า นาโกย่า ไปยังทาคายาม่า คานาซาว่า ชิราคาวาโกะ 

Alpine-Takayama-Matsumoto Area Tourist Pass ครอบคลุมนาโกย่า มัตสึโมโตะ และเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route

▶ Chugoku / Shikoku Area Pass: JR Pass สำหรับภูมิภาคชูโกกุและชิโกกุ แบ่งออกเป็น

 

▷ All Shikoku Rail Pass ครอบคลุมทั่วทั้งเกาะชิโกกุ

 

San’in-Okayama Area Pass เน้นภูมิภาคซันอิน เช่น ทตโตริ ชิมาเนะ อิซุโมะ รวมไปถึงจังหวัดโอคายาม่า

 

Setouchi Area Pass ครอบคลุมเมืองริมทะเลในแถบเซะโตะอุจิ เช่น โอคายาม่า ฮิโรชิม่า ชิโกกุบางส่วน

▶ Kyushu Area Pass: JR Pass สำหรับภูมิภาคคิวชู แบ่งออกเป็น

 

▷ All Kyushu Area Pass ครอบคลุมทั่วทั้งเกาะคิวชู

 

▷ Northern Kyushu Area Pass ครอบคลุมฟุกุโอกะ นางาซากิ คุมาโมโตะ ยูฟุอิน

 

Southern Kyushu Area Pass ครอบคลุมคุมาโมโตะ คาโกชิม่า มิยาซากิ

บทความแนะนำ บทความแนะนำ