7 บ่อนรก แหล่งออนเซ็นแห่งเมืองเบปปุ

09.07.2025(อัพเดตเมื่อ 15.07.2025)
7 บ่อนรก แหล่งออนเซ็นแห่งเมืองเบปปุ

ทุกคนรู้กันไหมคะว่า เบปปุขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีน้ำพุร้อนผุดขึ้นมามากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก และมากที่สุดในญี่ปุ่น การที่มีน้ำพุร้อนปริมาณมหาศาล แต่ละบ่อก็มีแร่ธาตุหลากหลาย ทำให้เกิดเป็นบ่อนรกที่มีสีสันแตกต่างกันไปตามแร่ธาตุที่อยู่ในบ่อ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาที่สำคัญ แต่ละบ่อต่างกันอย่างไร ไปอ่านกันเลย

Beppu Jigoku Meguri คืออะไร

Beppu Jigoku Meguri หรือ Hells of Beppu คือการเที่ยวชมบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ 7 แห่งในเมืองเบปปุ จังหวัดโออิตะ ซึ่งแต่ละบ่อมีลักษณะและสีสันที่เป็นเอกลักษณ์คล้ายกับนรกตามความเชื่อโบราณ น้ำในบ่อเหล่านี้มีอุณหภูมิสูงมาก สูงจบเกือบถึงจุดเดือดก็มี และไม่สามารถลงแช่ได้ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ

ประวัติศาสตร์และตำนานของบ่อนรก (Beppu Jigoku Meguri)

บ่อน้ำพุร้อนเหล่านี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เชื่อกันว่าการผุดขึ้นของน้ำพุร้อนอุณหภูมิสูงและควันกำมะถันจำนวนมหาศาล ทำให้ผู้คนในอดีตรู้สึกหวาดกลัวและเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่เชื่อมต่อกับโลกใต้พิภพ หรือเป็นบ่อนรกตามความเชื่อทางพุทธศาสนาที่ใช้ลงโทษคนบาป

อุณหภูมิของน้ำในบ่อเหล่านี้สูงมาก บางบ่อสูงถึง 98 องศาเซลเซียส และเดือดปุดๆ ตลอดเวลา ทำให้จินตนาการถึงหม้อต้มขนาดใหญ่ในนรก อีกทั้งกลิ่นกำมะถันที่รุนแรงและควันที่พวยพุ่งขึ้นมาตลอดเวลา ยิ่งตอกย้ำภาพความเป็นนรก แถมบ่อนรกแต่ละแห่งมีสีสันที่แตกต่างกันไป บางบ่อเป็นสีฟ้าคราม บางบ่อเป็นสีแดงสนิม หรือสีเทาขุ่น ซึ่งเป็นผลจากแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ ทำให้ดูเหมือนสถานที่ที่ไม่ใช่โลกมนุษย์ทั่วไป นั่นเป็นเเหตุผลที่ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นบ่อนรก

7 บ่อนรกแห่งเบปปุ

Umi Jigoku: บ่อทะเลนรก♨️

มาเริ่มกันที่บ่อนรกที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเบปปุ นั่นก็คือ อุมิ จิโกกุ (Umi Jigoku) หรือ บ่อทะเลนรกนั่นเอง แค่เห็นชื่อก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ นี่คือบ่อนรกที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในบรรดา 8 บ่อนรกของเบปปุเลยก็ว่าได้ ใครมาเบปปุแล้วไม่ได้มาที่นี่ ถือว่ายังมาไม่ถึงนะ

Umi Jigoku โดดเด่นด้วยสีน้ำที่สวยงามและแปลกตามากๆ  น้ำในบ่อเป็นสีฟ้าครามสดใสราวกับน้ำทะเล แต่ความจริงแล้วมันคือน้ำพุร้อนที่เดือดปุดๆ ตลอดเวลา และมีอุณหภูมิสูงถึง 98 องศาเซลเซียส สีฟ้าสวยงามที่เห็นนั้นเกิดจากแร่ธาตุโคบอลต์ที่ละลายปนอยู่ในน้ำ พอโดนแสงก็จะสะท้อนออกมาเป็นสีฟ้าที่น่าทึ่งแบบนี้

เมื่อมาที่บ่อ Umi Jigoku แล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะลองชิมไข่ดำ (Kurotamago) เป็นไข่ที่นำไปต้มในบ่อน้ำพุร้อน Umi Jigoku แร่ธาตุในน้ำทำให้เปลือกไข่กลายเป็นสีดำสนิท เชื่อกันว่ากินไข่ดำหนึ่งฟองจะช่วยให้อายุยืนขึ้น 7 ปี

Umi Jigoku

เวลาทำการ

ทุกวัน 8:00–17:00 น.

ที่อยู่

559-1 คันนาวะ เบปปุ จังหวัดโออิตะ

การเดินทาง

เดินจากป้าย Umijigoku Mae ประมาณ 5 นาที

เว็บไซต์

http://www.umijigoku.co.jp/

Oniishibouzu Jigoku: บ่อนรกหัวโล้นปีศาจ♨️

ถัดจากความสวยงามของ Umi Jigoku มาสัมผัสความแปลกตาที่บ่อออนเซ็นแห่งที่สอง นั่นก็คือ โอนิอิชิโบสุ จิโกกุ (Oniishibouzu Jigoku) หรือที่เรียกกันว่า บ่อนรกปีศาจหัวโล้น ฟังแค่ชื่ออาจดูน่ากลัวนิดๆ แต่รับรองว่าบ่อนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง

บ่อ Oniishibouzu Jigoku โดดเด่นด้วยบ่อโคลนสีเทาที่เดือดปุดๆ บ่อนี้ไม่ใช่น้ำใสๆ เหมือนบ่ออื่น แต่มันคือโคลนร้อนๆ ที่เดือดผุดขึ้นมาเป็นฟองกลมๆ คล้ายกับหัวของปีศาจที่ไม่มีผม เลยเป็นที่มาของชื่อบ่อนรกปีศาจหัวโล้นนั่นเอง

Oniishibouzu Jigoku

เวลาทำการ

ทุกวัน 8:00–17:00 น.

ที่อยู่

559-1 คันนาวะ เบปปุ จังหวัดโออิตะ

การเดินทาง

เดินจากป้าย Umijigoku Mae ประมาณ 3 นาที

เว็บไซต์

https://oniishi.com/

Kamado Jigoku: บ่อเตานรก♨️

มาต่อกันที่บ่อนรกแห่งที่สามที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ คามาโดะ จิโกกุ (Kamado Jigoku) หรือ บ่อเตานรก  ชื่อนี้ได้มาจากตำนานที่เล่าว่าในอดีตมีการใช้ไอน้ำจากบ่อนี้ในการหุงข้าวสำหรับถวายเทพเจ้า และยังเป็นบ่อนรกที่มีอะไรให้ดูและให้ลองทำเยอะแยะเลยทีเดียว

Kamado Jigoku เป็นบ่อนรกที่มีกิจกรรมให้ทำมากที่สุดแห่งหนึ่ง บ่อ Kamado Jigoku ไม่ได้มีแค่บ่อเดียว แต่มีบ่อน้ำพุร้อนหลายบ่อที่มีลักษณะแตกต่างกันไปในบริเวณเดียวกัน บ่อหลักของที่นี่มีน้ำสีฟ้าอมเขียวที่สวยงาม และมีควันพวยพุ่งขึ้นมาตลอดเวลา อุณหภูมิของน้ำก็สูงมาก อยู่ที่ประมาณ 90 องศาเซลเซียส นอกจากบ่อน้ำแล้ว ยังมีบ่อโคลนที่เดือดปุดๆ คล้ายกับบ่อ Oniishibouzu Jigoku แต่ที่นี่อาจจะมีสีและลักษณะของโคลนที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย

ไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวชอบมากๆ คือการสาธิตการพ่นควันจากบ่อออนเซ็น โดยเจ้าหน้าที่จะใช้วิธีต่างๆ เช่น การเป่าบุหรี่ลงไปในบ่อ หรือการโยนสิ่งของบางอย่างลงไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดควันพวยพุ่งขึ้นมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่ ยังสามารถลองดื่มน้ำแร่จากออนเซ็นที่ผ่านการกรองและทำให้อุ่นในอุณหภูมิที่เหมาะสม เชื่อกันว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ และยังมีร้านขายของกินเล่นที่ใช้ความร้อนจากบ่อออนเซ็นในการทำ เช่น ไข่ต้มออนเซ็น มันนึ่ง พุดดิ้งนึ่ง ซึ่งเป็นของอร่อยที่ต้องลองชิม

Kamado Jigoku

เวลาทำการ

ทุกวัน 8:00–17:00 น.

ที่อยู่

559-1 คันนาวะ เบปปุ จังหวัดโออิตะ

การเดินทาง

เดินจากป้าย Umijigoku Mae ประมาณ 4 นาที

เว็บไซต์

http://kamadojigoku.com/

Oniyama Jigoku: บ่อปีศาจภูเขา♨️

มาถึงบ่อนรกแห่งที่สี่ที่ชื่อก็ชวนให้จินตนาการถึงความน่ากลัว นั่นคือ โอนิยามะ จิโกกุ (Oniyama Jigoku) หรือที่เรียกกันว่า บ่อปีศาจภูเขา บ่อนรกแห่งนี้ไม่ได้มีสีน้ำแปลกตาเหมือนบ่ออื่นๆ แต่เป็นบ่อที่พูดถึงเรื่องราวของผู้พิทักษ์ที่อาศัยอยู่ท่ามกลางไอน้ำร้อน

ชื่อปีศาจภูเขา ไม่ได้มาจากความน่ากลัวของบ่อ แต่มาจากการที่บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มีพลังความร้อนมหาศาล และมีปริมาณไอน้ำพวยพุ่งออกมาตลอดเวลาจนดูเหมือนภูเขาที่กำลังพ่นควัน ซึ่งในจินตนาการก็อาจเชื่อมโยงกับปีศาจหรือสิ่งลี้ลับที่เฝ้าภูเขาอยู่

สิ่งที่ทำให้ Oniyama Jigoku แตกต่างจากบ่อนรกอื่นๆ คือเป็นที่อยู่อาศัยของจระเข้จำนวนมาก บ่อนรกแห่งนี้ได้ใช้ความร้อนจากน้ำพุร้อนธรรมชาติมาเลี้ยงจระเข้มานานกว่า 70 ปี ที่นี่ จะได้เห็นจระเข้ ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ นอนอาบแดดบ้าง แช่น้ำร้อนอยู่ในบ่อที่จัดเตรียมไว้ให้บ้าง

Oniyama Jigoku

เวลาทำการ

ทุกวัน 8:00–17:00 น.

ที่อยู่

526 คันนาวะ เบปปุ จังหวัดโออิตะ

การเดินทาง

เดินจากป้าย Umijigoku Mae ประมาณ 3 นาที

เว็บไซต์

https://www.beppu-jigoku.com/oniyama/

Shiraike Jigoku: บ่อนรกสีขาว♨️

มาถึงบ่อนรกแห่งที่ห้าที่มอบความรู้สึกสงบและงดงามราวกับภาพวาด นั่นคือ ชิราอิเคะ จิโกกุ (Shiraike Jigoku) หรือที่เรียกกันว่า บ่อนรกสีขาว บ่อนรกแห่งนี้โดดเด่นด้วยสีของน้ำที่อ่อนโยนและบรรยากาศที่เงียบสงบแตกต่างจากบ่อนรกอื่นๆ ที่ดูดุดัน

Shiraike Jigoku มีลักษณะเฉพาะคือเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีสีขาวขุ่นออกฟ้าอ่อนๆ หรือสีนมๆ ซึ่งเกิดจากแคลเซียมคาร์บอเนตที่ละลายอยู่ในน้ำ อุณหภูมิของน้ำก็ยังคงสูงอยู่ประมาณ 95 องศาเซลเซียส และมีไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมาตลอดเวลา บ่อนี้ถูกจัดให้เหมือนสวนญี่ปุ่น ข้างๆ มีบ่อปลาคาร์ปขนาดใหญ่ และมีต้นไม้เขียวขจีล้อมรอบ ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายและสบายตามากๆ แตกต่างจากบ่อนรกอื่นที่มักจะเน้นความน่ากลัวหรือความอลังการของพลังธรรมชาติ

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างใน Shiraike Jigoku คือการจัดแสดงสัตว์น้ำแปลกๆ โดยเฉพาะปลาปิรันย่า ถึงแม้จะเป็นบ่อนรก แต่ที่นี่ก็ใช้ความร้อนจากน้ำพุร้อนมาเลี้ยงปลาปิรันย่าและสัตว์น้ำเขตร้อนอื่นๆ ให้ได้ชมด้วย เป็นสิ่งที่สร้างความน่าสนใจและดึงดูดในนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม

Shiraike Jigoku

เวลาทำการ

ทุกวัน 8:00–17:00 น.

ที่อยู่

559-1 คันนาวะ เบปปุ จังหวัดโออิตะ

การเดินทาง

เดินจากป้าย Umijigoku Mae ประมาณ 5 นาที

เว็บไซต์

http://shiraikejigoku.com/

Chinoike Jigoku: บ่อนรกสีเลือด♨️

มาถึงบ่อนรกแห่งที่หกที่โดดเด่นด้วยสีสันสุดอลังการและน่าเกรงขาม นั่นคือ จิโนอิเคะ จิโกกุ (Chinoike Jigoku) หรือที่เรียกกันว่า บ่อนรกสีเลือด  บ่อนรกแห่งนี้เป็นหนึ่งในสองบ่อที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักมากที่สุดของเบปปุเลยก็ว่าได้ และเป็นบ่อนรกที่มีเสียงเล่าลือว่าสีเหมือนเลือด

แน่นอนว่าสิ่งที่โดดเด่นของบ่อ Chinoike Jigoku ก็คือน้ำที่มีสีแดงสดใสคล้ายเลือด ที่เกิดจากออกไซด์ของเหล็กและแมกนีเซียมที่ละลายอยู่ในน้ำร้อน อุณหภูมิของน้ำในบ่อสูงประมาณ 78 องศาเซลเซียส และมีไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมาตลอดเวลา สร้างบรรยากาศที่น่าทึ่งและชวนให้จินตนาการถึงชื่อของบ่อ

สีแดงเข้มของน้ำในบ่อดึงดูดสายตามากๆ ทำให้บ่อแห่งนี้แตกต่างจากบ่อนรกอื่นๆ อย่างชัดเจน และกลายเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบมาก บ่อ Chinoike Jigoku มีประวัติยาวนานและปรากฏในเอกสารทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเชื่อกันว่าในอดีตมีการใช้โคลนสีแดงจากบ่อนี้ในการรักษากลากเกลื้อน หรือโรคผิวหนัง ปัจจุบัน ที่นี่ยังคงมีผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโคลนสีแดงจากบ่อออนเซ็นนี้วางจำหน่ายด้วย เช่น ครีมรักษาโรคผิวหนัง หรือสบู่ ซื้อเป็นของฝากก็ดูแปลกใหม่ดีเหมือนกันนะ

Chinoike Jigoku

เวลาทำการ

ทุกวัน 8:00–17:00 น.

ที่อยู่

778 โนดะ เบปปุ จังหวัดโออิตะ

การเดินทาง

เดินจากป้าย Jonouchi ประมาณ 4 นาที

เว็บไซต์

http://chinoike.com/

Tatsumaki Jigoku: บ่อนรกพายุหมุน♨️

มาถึงบ่อนรกที่จะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่แปลกตา นั่นคือ ทัตสึมากิ จิโกกุ (Tatsumaki Jigoku) หรือที่เรียกกันว่า บ่อนรกพายุหมุน บ่อนรกแห่งนี้มีความพิเศษไม่เหมือนใคร เพราะเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีน้ำร้อนจัดปะทุพุ่งขึ้นฟ้าเป็นช่วงๆ หรือที่เรียกว่าน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geyser) นั่นเอง

Tatsumaki Jigoku ไม่ได้เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เดือดปุดๆ ตลอดเวลาเหมือนบ่ออื่น แต่จะมีการสะสมแรงดันจากใต้พิภพ และจะปะทุพวยพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุร้อนสูงถึงประมาณ 20 เมตร เป็นช่วงๆ ห่างกันประมาณ 30-40 นาที ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ ที่ใครมาเบปปุก็ต้องมาชม ซึ่งน้ำที่ปะทุขึ้นมามีอุณหภูมิสูงถึง 150 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันถึงพลังงานความร้อนใต้พิภพของเมืองออนเซ็น

Tatsumaki Jigoku

เวลาทำการ

ทุกวัน 8:00–17:00 น.

ที่อยู่

778 โนดะ เบปปุ จังหวัดโออิตะ

การเดินทาง

เดินจากป้าย Chinoike Jigoku Mae ประมาณ 1 นาที

เว็บไซต์

http://www.beppu-jigoku.com/tatsumaki/

  • Facebook
  • X