5-Day Road Trip in Hokkaido: ขับรถเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ชมธรรมชาติ

5-Day Road Trip in Hokkaido: ขับรถเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อน ชมธรรมชาติ

การเตรียมตัวที่ดีคือหัวใจสำคัญของการเที่ยวญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมื่อเป็นการขับรถเที่ยวในฮอกไกโด (Hokkaido) การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้ทริปราบรื่นและสนุกสนานไร้กังวล สำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันจะเที่ยวฮอกไกโดในช่วงหน้าร้อน เพื่อสัมผัสความงามของทุ่งลาเวนเดอร์และธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

Day 1 ตะลุยซัปโปโร (Sapporo)

เริ่มวันแรกของการเดินทาง ด้วยการขับรถเที่ยวที่เมืองสำคัญของฮอกไกโดอย่างซัปโปโร (Sapporo) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สะดวกสบายสำหรับการเดินทางสู่สถานที่อื่นๆ บนเกาะฮอกไกโด

🌄ช่วงเช้า

หลังจากเดินทางถึงซัปโปโร ไม่ควรพลาดการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น การเดินชม หอนาฬิกาซัปโปโร

(Sapporo Clock Tower) และอาคารศาลากลางเก่าฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office) สถาปัตยกรรมที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของฮอกไกโด

☀️ช่วงบ่าย

ใช้เวลายามบ่ายชิลๆที่ สวนโอโดริ (Odori Park) สวนที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและชมเทศกาลต่างๆ อาจซื้อเบนโตะง่ายๆ มานั่งปิกนิกกินภายในสวนสาธารณะ กลมกลืนไปกับคนท้องถิ่นของที่นี่ สำหรับใครที่ชื่นชอบเบียร์ การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Garden & Museum) ก็เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจ

สวนโอโดริ (Odori Park)

ที่อยู่

1-12 โอโดรินิชิ เขตชูโอ ซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด

🌆ช่วงเย็น

ในยามเย็น เดินเล่นที่ย่านซูซูกิโนะ (Susukino) อีกหนึ่งสีสันของเมืองซัปโปโรแห่งนี้ ย่านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องแสงสีป้ายนีออนที่สว่างไสว ร้านอาหาร คาราโอเกะ และสถานบันเทิงต่างๆ เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั้งของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว อาจจะแวะทานอาหารเย็นและเดินรับลมที่นี่ก่อนกลับที่พัก

Day 2 ดื่มด่ำความงดงามของฟุราโนะ (Furano) และเสน่ห์ของบิเอะ (Biei)

วันที่สองของทริปเที่ยวฮอกไกโด จะพาไปสำรวจความงามของทุ่งลาเวนเดอร์ในฟุราโนะและธรรมชาติอันน่าทึ่งในบิเอะ พบกับทิวทัศน์ที่เหมือนภาพวาด ทั้งทุ่งดอกไม้หลากสีและบ่อน้ำสีฟ้าคราม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการเที่ยวฮอกไกโดในช่วงหน้าร้อน

🌄ช่วงเช้า

หลังจากชมเมืองซัปโปโรในวันแรกแล้ว ได้เวลาเดินทางชมลาเวนเดอร์ที่ฟุราโนะ ระยะทางจากซัปโปโรไปยังฟุราโนะประมาณ 140 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 2-3 ชั่วโมง  เมื่อเดินทางถึงฟุราโนะแล้ว จุดแรกที่ไม่ควรพลาดคือ ฟาร์มโทมิตะ

(Farm Tomita)  ซึ่งเป็นฟาร์มลาเวนเดอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ที่นี่จะได้เห็นทุ่งลาเวนเดอร์ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ปลูกเป็นระเบียบคล้ายพรมสีม่วง พร้อมกับทุ่งดอกไม้อื่นๆ ที่ปลูกเรียงรายอย่างสวยงาม เหมาะสำหรับการถ่ายภาพ เดินเล่นพักผ่อน และสูดกลิ่นหอมของดอกไม้

ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita)

ที่อยู่

15 คิเซนคิตะ นากาฟูราโนะ เขตโซราจิ จังหวัดฮอกไกโด

☀️ช่วงบ่าย

หลังจากดื่มด่ำกับฟาร์มโทมิตะแล้ว ให้มุ่งหน้าสู่ ทุ่งดอกไม้ชิกิไซ โนะ โอกะ (Shikisai no Oka) ในบิเอะ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฟุราโนะ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่งดงามด้วยทุ่งดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ปลูกเรียงรายเป็นแถบสีสันสดใสคล้ายผืนผ้าใบขนาดมหึมา สามารถเดินชมหรือจะเช่ารถกอล์ฟหรือรถแทรกเตอร์สำหรับชมวิวก็ได้เช่นกัน ทุ่งดอกไม้นานาชนิดที่นี่มีการจัดแสดงที่แตกต่างออกไป ทำให้ได้เห็นความหลากหลายของพืชพรรณในฮอกไกโดช่วงหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวภูมิภาคนี้

🌆ช่วงเย็น

ปิดท้ายวันด้วยการเดินทางสู่ บ่อน้ำสีฟ้า (Aoi Ike) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของบิเอะ บ่อน้ำแห่งนี้มีสีฟ้าครามอันเป็นเอกลักษณ์ เกิดจากแร่ธาตุธรรมชาติในน้ำที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดเฉดสีฟ้าที่น่าทึ่ง ยิ่งในช่วงเวลาที่แสงแดดส่องลงมาพอดี สีของน้ำก็จะยิ่งเข้มข้นและงดงามราวกับภาพวาด ต้นไม้ที่ยืนต้นตายอยู่กลางบ่อน้ำยิ่งเพิ่มความลึกลับและเป็นเอกลักษณ์ให้กับทิวทัศน์นี้ ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก

บ่อน้ำสีฟ้า (Aoi Ike)

ที่อยู่

ชิโรงาเนะ บิเอะ เขตคามิคาวะ จังหวัดฮอกไกโด

Day 3 เส้นทางสายโรแมนติกอาซาฮิกาวะ

วันที่สามของการขับรถเที่ยวฮอกไกโด ออกจากทุ่งดอกไม้และบ่อน้ำสีฟ้าสู่เมืองอาซาฮิกาวะ (Asahakawa) เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของฮอกไกโด มีชื่อเสียงด้านอาหารอร่อยและสวนสัตว์ การเดินทางในวันนี้จะพาไปสำรวจเมืองและสัมผัสธรรมชาติอันเงียบสงบ

🌄ช่วงเช้า

เริ่มต้นวันด้วยการไปเยือน สวนสัตว์อาซาฮิยามะ (Asahiyama Zoo) หนึ่งในสวนสัตว์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของญี่ปุ่น สวนสัตว์แห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องการจัดแสดงสัตว์ที่คำนึงถึงพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์เป็นหลัก ทำให้ผู้เข้าชมสามารถสังเกตการณ์สัตว์ได้อย่างใกล้ชิด ไฮไลท์สำคัญของที่นี่คืออุโมงค์เพนกวินที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ใต้น้ำท่ามกลางฝูงเพนกวิน รวมถึงการแสดงให้อาหารสัตว์ต่างๆ เช่น หมีขั้วโลก แมวน้ำ และหมาป่า เหมาะสำหรับคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นพร้อมครอบครัว

☀️ช่วงบ่าย

หลังจากใช้เวลาสนุกสนานที่สวนสัตว์ ได้เวลาเติมพลังด้วยการลิ้มลองราเมงอาซาฮิกาวะ (Asahikawa Ramen) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามราเมงขึ้นชื่อของฮอกไกโด ราเมงอาซาฮิกาวะมีเอกลักษณ์ที่น้ำซุปโชยุที่เข้มข้น หอมกลิ่นปลาและกระดูกหมู พร้อมด้วยเส้นราเมงหยักเล็กน้อยที่ดูดซับน้ำซุปได้ดี มีร้านราเมงหลายแห่งในอาซาฮิกาวะที่เป็นตำนานและเปิดมาอย่างยาวนาน การได้ชิมราเมงต้นตำรับที่เมืองแห่งนี้ ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนฮอกไกโด

🌆ช่วงเย็น

นอกจากการเที่ยวชมในเมืองแล้ว บริเวณรอบๆ อาซาฮิกาวะ ยังมีธรรมชาติที่บริสุทธิ์และเงียบสงบให้ได้สำรวจ เมื่อขับรถต่อไปอีกเล็กน้อย อาจพบกับน้ำตกที่สวยงาม หรือเส้นทางเดินป่าที่ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสูดอากาศบริสุทธิ์ การได้ออกนอกเส้นทางหลักเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติที่เงียบสงบของฮอกไกโด จะช่วยเพิ่มความประทับใจให้กับทริป และเป็นโอกาสดีที่จะได้พบกับความงามที่ซ่อนอยู่

Day 4 สู่เมืองโอตารุ (Otaru) และเส้นทางเลียบชายฝั่งอันงดงาม

วันที่สี่ เปลี่ยนบรรยากาศมายังเมืองท่าเก่าแก่สุดโรแมนติกอย่าง โอตารุ (Otaru) ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล  การขับรถเลียบชายฝั่งไปยังโอตารุที่เต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของการเที่ยวฮอกไกโด

🌄ช่วงเช้า

เริ่มเดินทางจากอาซาฮิกาวะ มาที่เมืองโอตารุ เมื่อมาถึงโอตารุ แวะเติมท้องด้วยอาหารเช้าที่ ตลาดปลาซังคาคุ

(Sankaku Market)  ตลาดคึกคักไปด้วยพ่อค้าแม่ค้า เปิดร้านและวางขายอาหารทะเลสดใหม่ที่มีให้เลือกหลากหลาย และเมนูยอดนิยมที่ห้ามพลาดคือ ข้าวหน้าทะเล (Kaisendon)

☀️ช่วงบ่าย

เมืองโอตารุ ยังเป็นสวรรค์ของนักช้อปและผู้ที่ชื่นชอบขนมหวาน โดยเฉพาะบริเวณ ถนนซาไกมาจิ (Sakaimachi Street)  ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ ที่นี่จะพบกับร้านเครื่องแก้วโอตารุที่มีชื่อเสียงระดับโลก ร้านกล่องดนตรีโอตารุที่มีให้เลือกมากมาย รวมถึงร้านขนมหวานชื่อดังอย่าง LeTAO และ Rokkatei ที่มีเค้กและของหวานอร่อยๆ ให้ได้ลิ้มลอง หรือนั่งพักผ่อนในคาเฟ่บรรยากาศสบายๆ ถือเป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินอย่างยิ่งในการเที่ยวฮอกไกโด

🌆ช่วงเย็น

ช่วงบ่ายคล้อยเย็น แนะนำให้ไปสถานที่ที่ต้องไปเยือนให้ได้ คือ คลองโอตารุ (Otaru Canal) แลนด์มาร์คสำคัญที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ย้อนยุค คลองแห่งนี้เคยเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญในอดีต ปัจจุบันสองฝั่งคลองเรียงรายไปด้วยโกดังเก่าที่ได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็นร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารยามค่ำคืน การเดินเล่นเลียบคลองในช่วงเย็น หรือการนั่งเรือชมคลองเป็นประสบการณ์ที่โรแมนติกอย่างยิ่ง ยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่หิมะตก คลองโอตารุจะยิ่งงดงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย

คลองโอตารุ (Otaru Canal)

ที่อยู่

มินาโตะมาจิ โอตารุ จังหวัดฮอกไกโด

Day 5 ปิดท้ายทริปฮอกไกโด ตะลุยแหล่งช้อปปิ้ง

วันสุดท้ายของการเดินทางเที่ยวฮอกไกโด คือการเดินทางกลับสู่ซัปโปโร เพื่อเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้ไป และซื้อของฝากก่อนเดินทางกลับ การเดินทางในวันนี้จะเน้นความผ่อนคลายและเตรียมตัวสำหรับการสิ้นสุดทริปอันน่าประทับใจ

🌄ช่วงเช้า

หากยังมีเวลาเหลือในซัปโปโร ก่อนมุ่งหน้าสู่สนามบินอาจแบ่งเวลาไปชมสถานที่อื่นๆ ที่ยังไม่ได้ไป เช่น สวนพฤกษศาสตร์มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Hokkaido University Botanic Garden)   สำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ หรือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ฮอกไกโด (Historical Village of Hokkaido) สำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของเกาะฮอกไกโดแห่งนี้ การเดินเล่นในสวนสาธารณะ หรือแวะคาเฟ่น่ารักๆ เพื่อจิบกาแฟและทบทวนความทรงจำดีๆ ตลอดทริปก็เป็นความคิดที่ไม่เลว

☀️ช่วงบ่าย

ซัปโปโร เป็นศูนย์รวมของแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด ก่อนเดินทางกลับ อาจแวะซื้อของฝากจากสถานที่ยอดนิยม เช่น ทานุกิโคจิ (Tanukikoji Shopping Street) ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งที่มีหลังคาคลุม เหมาะสำหรับการเดินเล่นและเลือกซื้อสินค้าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือของที่ระลึก นอกจากนี้ ยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่รอบสถานีซัปโปโร การเลือกซื้อขนมหวานชื่อดังของฮอกไกโด อย่าง Shiroi Koibito หรือ Royce Chocolate ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาด

🌆ช่วงเย็น

หลังจากเก็บตกทุกอย่างแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับสู่สนามบินชิโตเสะ (New Chitose Airport) ควรเผื่อเวลาเดินทางให้เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน สนามบินชิโตเสะเป็นสนามบินขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร และโซนบันเทิงมากมาย หากมีเวลาเหลือ สามารถใช้เวลาสำรวจภายในสนามบินเพื่อซื้อของฝากเพิ่มเติม หรือทานอาหารก่อนขึ้นเครื่องบินเป็นการปิดท้ายทริปเที่ยวฮอกไกโดที่สมบูรณ์

เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับ Road Trip

เอกสารสำคัญและการเตรียมรถสำหรับขับขี่ในฮอกไกโด

สำหรับการขับรถเที่ยวฮอกไกโด สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการเตรียมเอกสาร การพกใบขับขี่สากลเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงพาสปอร์ตและเอกสารการจองรถเช่า สำหรับการเช่ารถยนต์ควรเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงและตรวจสอบประกันภัยรถยนต์ให้ครอบคลุม เพื่อความสบายใจตลอดการเดินทาง การทำความคุ้นเคยกับกฎจราจรของประเทศญี่ปุ่นก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก นอกจากนี้ การตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เช่น ลมยาง ระบบเบรก และน้ำมันเชื้อเพลิง จะช่วยป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝันได้เป็นอย่างดี

งบประมาณคร่าวๆ สำหรับทริป 5 วันในฮอกไกโด

การกำหนดงบประมาณเป็นส่วนสำคัญของการวางแผนแพลนเที่ยวญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายหลักๆ จะประกอบด้วยค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ค่าเช่ารถยนต์และค่าน้ำมัน ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ การวางแผนล่วงหน้าและการจองที่พักหรือรถยนต์ตั้งแต่เนิ่นๆ มักจะได้ราคาที่ถูกกว่า ทำให้สามารถคุมงบประมาณได้มากขึ้น

 

▶ ค่าเช่ารถยนต์ ประมาณ 5,000 – 10,000 เยนต่อวัน (ขึ้นอยู่กับประเภทรถและบริษัทเช่า) 

▶ ค่าน้ำมัน ประมาณ 2,000 – 4,000 เยนต่อวัน 

▶ ค่าที่พัก ประมาณ โดยเฉลี่ยประมาณ 5,000 – 15,000 เยนต่อคืนต่อคน 

▶ ค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ ประมาณ 3,000 – 7,000 เยนต่อคนต่อวัน 

 

💰รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ประมาณ 75,000 – 180,000 เยน (17, 300 – 41,000 บาท) ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน

แวะคุยสักนิด🐶🌸

Road Trip คงเป็นอีกเช็คลิสต์หนึ่งในการเที่ยวญี่ปุ่นของใครหลายๆ คนใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่แสนสะดวก เพราะสามารถแวะตามสถานที่ที่เราอยากแวะได้ หรือสถานที่ที่รถสาธารณะเข้าไม่ถึง และยังสะดวกสำหรับคนที่มาเที่ยวพร้อมครอบครัวหรือมาเที่ยวเป็นกลุ่มใหญ่ ฮอกไกโดก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะกับการขับรถเที่ยวมาก ยิ่งในหน้าร้อน ทิวทัศน์ข้างทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้แตกต่างกับในช่วงที่หิมะตกมากๆ ใครที่มีแพลนเที่ยวฮอกไกโดหน้าร้อนก็ลองเอาแพลนนี้ไปปรับใช้ดูนะคะ

บทความแนะนำ บทความแนะนำ