หนีเมืองไปหาธรรมชาติ! รวม 5 ที่เที่ยว สวยจนใจละลายในกิฟุ

ใครที่วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น หรือไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้ว อาจจะคุ้นเคยกับเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว เกียวโต หรือโอซาก้าดีแล้ว แต่ประเทศญี่ปุ่นยังมีที่เที่ยวสวยงามราวกับหลุดออกมาจากโลกแห่งจินตนาการอีกมากมายที่รอให้คุณไปค้นพบ วันนี้เราขอพาทุกคนหนีจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ไปพักใจกับธรรมชาติ มุ่งหน้าสู่จังหวัดกิฟุไปพบกับ 5 พิกัดความงามที่จะทำให้คุณประทับใจราวกับก้าวเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย
สารบัญ
-
01
-
02
-
03
-
04
-
05
-
06
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago)
เริ่มกันที่หมู่บ้านน่ารักๆ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO รูปทรงของบ้านทรงกัชโชซูคุริ (Gassho-zukuri) สไตล์บ้านแบบดั้งเดิมของชาวนาญี่ปุ่น ทำให้สถานที่แห่งนี้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละฤดู ฤดูที่เป็นที่นิยมมาก ก็คือ ฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ที่หิมะปกคลุมหลังคาไปทั่วทุกหลัง ยิ่งช่วงงานแสดงแสงไฟของหมู่บ้าน สวยงามราวกับอยู่ในโลกนิยาย
กิจกรรมที่น่าทำ อย่างเช่น การเดินเล่นชมความงามของหมู่บ้าน บางหลังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม หรือจะชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Gassho-zukuri Minkaen ชิมอาหารท้องถิ่นและซื้อของที่ระลึก หรือจะไปจุดถ่ายรูปมุมสูงยอดฮิต จุดชมวิว Shiroyama Viewpoint เก็บภาพถ่ายเป็นความทรงจำก็ดีไม่น้อย
วิธีการเดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawago)
- สถานีต้นทาง: สถานี Nagoya
- สถานีปลายทาง: ป้ายรถบัส Shirakawa-go
- ค่าเดินทางประมาณ: 8500-9500 เยน
บ่อน้ำของโมเน่ต์ (Monet's Pond)
สิ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่นิยมก็คือน้ำที่ใสมากๆ ราวกับกระจก ใสจนสามารถมองเห็นพื้นบ่อน้ำ ปลาคาร์ป และพืชน้ำได้อย่างชัดเจน ความใสของน้ำทำให้ดูเหมือนปลาคาร์ปกำลังลอยอยู่ในอากาศ ท่ามกลางสีเขียวของพืชน้ำ ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามและไม่เหมือนใคร ทำให้รู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าไปอยู่ในผลงานศิลปะอันโด่งดัง
เหตุผลที่สถานที่แห่งนี้ชื่อบ่อน้ำของโมเน่ต์ก็เพราะทิวทัศน์ที่คล้ายคลึงกับภาพวาดชุดดอกบัว (Water Lilies) ของโคลด์ โมเน่ต์ (Claude Monet) จิตรกรชื่อดังชาวฝรั่งเศสนั่นเอง ช่วงที่สวยที่สุด คือ เดือพฤษภาคมถึงกรกฏาคม เพราะดอกบัวจะเริ่มบาน น้ำใส มีปลาคราฟแหวกว่ายให้เห็นชัดเจน แต่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ก็สวยงามไปอีกแบบ
วิธีการเดินทางไปบ่อน้ำของโมเน่ต์ (Monet’s Pond)
- สถานีต้นทาง: สถานี Nagoya
- สถานีปลายทาง: ป้ายรถบัส Ajisai-en Mae
- ค่าเดินทางประมาณ: 1910-2010 เยน
บึงคางามิอิเคะ (Kagami-ike)
บึงคางามิอิเคะ (Kagami-ike) ตั้งอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติอันเงียบสงบของที่ราบสูงโทงาคุชิ (Togakushi) มีชื่อเสียงจากเงาของน้ำในบึงที่สะท้อนภูเขา Togakushi และป่ารอบๆ บนผิวน้ำที่นิ่งสนิท จึงได้ชื่อว่าคางามิ (Kagami) ที่แปลว่ากระจก ฤดูที่เหมาะกับการมาเที่ยวคือฤดูใบไม้ร่วง ช่วงปลายตุลาคมถึงต้นพฤษจิกายน เพราะใบไม้รอบบึงจะเริ่มเปลี่ยนสี เป็นอีกจุดถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาด
ใครที่พอมีเวลาเหลือ ใกล้ๆ กับบึงคางามิอิเคะ ยังมีกลุ่มศาลเจ้า Togakushi Shrine กลุ่มศาลเจ้าเก่าแก่ 5 แห่งที่กระจายตัวอยู่บนภูเขา เชื่อมต่อกันด้วยเส้นทางเดินป่าหรือถนน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีชื่อเสียงเรื่องโซบะ (Togakushi Soba) ถือเป็นอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อที่ควรลอง ได้ทั้งธรรมชาติ ได้ทั้งวัฒนธรรม และยังอิ่มท้อง ครบจบในทริปเดียวเลย
วิธีการเดินทางไปบึงคางามิอิเคะ (Kagami-ike)
- สถานีต้นทาง: สถานี Nagoya
- สถานีปลายทาง: ป้ายรถบัส Togakushi Okusha Iriguchi หรือ Togakushi Chusha
- ค่าเดินทางประมาณ: 7500-8700เยน
เมืองกุโจฮาจิมัง (Gujo Hachiman)
กุโจฮาจิมัง (Gujo Hachiman) เป็นเมืองขนาดเล็กริมแม่น้ำในจังหวัดกิฟุ เมืองปราสาทที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสายน้ำ ตลอดแนวแม่น้ำโยชิดะที่ไหลผ่านใจกลางเมือง จะได้พบกับทิวทัศน์ริมแม่น้ำที่ผสมผสานเข้ากับวิถีชีวิตของผู้คน ปราสาทกุโจฮาจิมัง (Gujo Hajiman Castle) ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นวิวเมืองได้อย่างงดงาม ในช่วงฤดูร้อน จะจัดเทศกาลกุโจ โอโดริ (Gujo Odori) หนึ่งในเทศกาลบงโอโดริที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น
กุโจฮาจิมังเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกย้อนยุค ใครที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น หรือสนใจในสถาปัตกรรมเก่าแก่ รับรองว่าที่นี่จะต้องทำให้คุณเพลิดเพลินแน่นอน นอกจากนี้ กุโจฮาจิมังยังเป็นแหล่งผลิตโมเดลอาหารรายใหญ่ ถ้ามาเที่ยวที่นี่อย่าลืมลองทำเวิร์คช้อปโมเดลอาหารดูนะ
วิธีการเดินทางไปกุโจฮาจิมัง (Gujo Hachiman)
- สถานีต้นทาง: Meitetsu Bus Center
- สถานีปลายทาง: Gujo Hachiman Castle Town Plaza หรือ Gujo Hachiman Interchange
- ค่าเดินทางประมาณ: 2260 – 2400 เยน
เกโระ ออนเซ็น (Gero Onsen)
น้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ตอนกลางของจังหวัดกิฟุ ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามน้ำพูร้อนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำพุร้อนที่ทำให้ผิวสวย เรียบเนียน ให้ความรู้สึกนุ่มลื่นเมื่อสัมผัส เนื่องจากน้ำมีค่า pH เป็นด่าง ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกและผัดเซลล์ผิว ภายในออนเซ็นมีที่พักหลากหลาย รวมถึงบ่อน้ำร้อนและบ่อแช่เท้าสาธารณะให้ได้เพลิดเพลิน
นอกจากออนเซ็นแล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น การเดินเล่นในหมู่บ้านออนเซ็น การเยี่ยมชมหมู่บ้านเกโระออนเซ็นกัสโช เพื่อชมบ้านทรงกัสโชซึคุริที่เป็นทรงบ้านเฉพาะภูมิภาคฮิดะ และยังมีเวิร์คช้อปงานฝีมือให้ได้ลองทำอีกด้วย
วิธีการเดินทางไปเกโระ ออนเซ็น (Gero Onsen)
- สถานีต้นทาง: สถานี JR Nagoya
- สถานีปลายทาง: สถานี JR Gero
- ค่าเดินทางประมาณ: 4,170 – 4,500 เยน
แวะคุยสักนิด🐶🌸
อ่านมาถึงตรงนี้รู้สึกอย่างไรกันบ้างคะ ส่วนตัวรู้สึกว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่ธรรมชาติสวยงามและมีความหลากหลาย อีกทั้งยังมีมุม Unseen อีกมากที่รอให้นักท่องเที่ยวอย่างพวกเราไปค้นพบ สำหรับใครที่อยากสัมผัสญี่ปุ่นที่แตกต่างออกไปนอกจากเมืองใหญ่ๆ หรือย่านการค้าแล้ว จังหวัดกิฟุก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่น่าไปเลยค่ะ
